รีวิว Puss in Boots The Last Wish
1 min read
รีวิว Puss in Boots The Last Wish หลังจากที่มีความพยายามจะผลักดันสร้างและสานต่อจักรวาลหนังแอนิเมชั่นเรื่องนี้อยู่หลายปี และต้องรอคอยนานถึงทศวรรษกว่าจะมีภาคใหม่ตามออกมา และเป็นเหมือนกันรีสตาร์ทอีกครั้งของเหล่าตัวละครเทพนิยายที่แสบสันต์ กลับมาอีกหนของ Puss in Boots The Last Wish การเดินทางครั้งใหม่ของเจ้าเหมียวส้มนักสู้ ผู้ไม่เคยเกรงกลัวผู้ใดกับความพยายามเป็นตำนานในกล่าวขาน ที่ดูเหมือนว่าภาคนี้จะกลับมาได้อย่างเกรียงไกรและเติบโตขึ้นอย่างชัดเจน โดยภาคนี้ พุซ อิน บู๊ทส์ เริ่มการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่สู่แบล็ค ฟอเรสต์ เพื่อค้นหาวิชชิ่งสตาร์ ในตำนานและฟื้นชีวิตที่หายไปของเขา

แต่เมื่อเหลือเพียงชีวิตเดียว พุซจึงต้องอ่อนน้อมถ่อมตนและขอความช่วยเหลือจากอดีตคู่หูและศัตรูตัวฉกาจของเขา นั่นคือคิตตี้ ซอฟท์ พอว์ส ผู้มีเสน่ห์ดึงดูดใจ ในภารกิจของพวกเขา พุซและคิตตี้ ได้รับความช่วยเหลือจาก เพอร์โร สุนัขพันทางที่พูดจาคล่องแคล่วว่องไว ฮีโร่ของเราทั้งสามคนจะต้องอยู่นำหน้าโกลดีล็อคส์ หนึ่งก้าว และตระกูลอาชญากรรมสามหมี บิ๊ก แจ็ค ออร์เนอร์ และนักล่าเงินรางวัลสุดสยอง เดอะ บิ๊ก แบด วูล์ฟ ต้องบอกเลยว่านี่เป็นย่างก้าวที่เติบโตขึ้นและแข็งแรงขึ้นของหนังภาคต่อในภาคแยกเรื่องนี้ แม้ว่าจะมีทั้งทีมผู้สร้างชุดดั้งเดิมและชุดใหม่มาร่วมแรงผนึกกำลังสร้างหนังเรื่องนี้ แต่มันกลายเป็นผลงานที่น่าประทับใจกว่าที่คาดคิดเอาไว้เสียอีก ในภาคนี้ได้ผู้กำกับดาวรุ่ง โจเอล ครอว์ฟอร์ด ที่เพิ่งแจ้งเกิดมาจาก The Croods A New Age นี่เป็นผลงานการกำกับหนังเต็มตัวเรื่องที่ 2 ของเขา และเห็นได้ชัดว่ามีพัฒนาในทางที่ดี

อันที่จริง โจเอล ครอว์ฟอร์ด ก็คือคนเบื้องหลังที่ทำงานอยู่กับดรีมส์เวิร์ก แอนิเมชั่น มายาวนานหลายปี เดิมทีเขาในอยู่ในตำแหน่งนักเล่าเรื่องในผลงานดัง ๆ หลายชิ้น ไม่ว่าจะเป็น Kung Fu Panda, Trolls หรือแม้แต่ Shrek Forever After ก็ด้วย เพิ่งจะถูกโปรโมตขึ้นมาเป็นผู้กำกับเต็มตัว กลับมาในหนังเรื่องนี้เขาหยิบเอาแนวถนัดของตัวเอง มาผสมผสานเข้ากับการเล่าเรื่องที่เต็มไปด้วยท่วงทำนองและจังหวะที่ค่อนข้างลงตัว หากเปรียบเทียบกับภาคแรกนั้น ก็จะเห็นได้ชัดว่า Puss in Boots The Last Wish ค่อนข้างมีความแข็งแกร่งในสตอรี่และพัฒนาการของตัวละครก็เติบโตตามขึ้นไปด้วย โดยเรื่องนี้ได้นักเขียนบทจาก The Croods: A New Age อย่าง พอล พิชเชอร์ กลับมาร่วมงานกัน โดยที่มี ทอม วีเลอร์ ผู้เขียนบทหนังภาคแรกมาช่วยดูสตอรี่ให้ อีกทั้งยังมี จานูล เมอร์คาโด มาช่วยดูแลงานกำกับให้อีกส่วน ก็เพื่อเก็บตกวัฒนธรรมลาตินในหนังนั่นเอง

แม้ว่าโครงสร้างและโครงเรื่องของหนังนั้น ออกจะเบาสมองและดูเด็กไปสักหน่อย แต่ก็มีเส้นเรื่องที่ค่อนข้างแข็งแรงและชัดเจนดี เดินเรื่องไปตามสูตรที่ตรงล็อกและตรงจังหวะ กลั่นออกมาเป็นความบันเทิงและความสนุกให้กับคนดูทุกเพศทุกวัย งานสร้างของ Puss in Boots The Last Wish ก็น่าตื่นตาตื่นใจแบบที่ไม่ได้ตั้งตัวมาก่อนว่าจะมาเจออะไรแบบนี้ สิ่งที่ได้เห็นในทีเซอร์ตัวอย่างหนังนั้น เป็นแค่เพียงน้ำจิ้มเรียกน้ำย่อยเท่านั้นจริง ๆ คาแรกเตอร์ตัวละครในภาคนี้ยังโดดเด่นไม่ธรรมดาเช่นเดียว เรียกได้ว่าหนังสามารถปลุกปั้นและสร้างทุกตัวละครออกมาได้ทุกเด่น น่าจดจำทุกตัวจริง ๆ อันโตนิโอ บันเดรัส ยังกลับมารับหน้าที่ให้เสียงและเป็นพุซ ที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์และทำให้คนดูถวิลหาเป็นอย่างดี เช่นเดียวกับ ซัลมา ฮาเยก ก็มาเป็นแมวสาว คิตตี้ ซอฟต์พาวส์ อันทรงเสน่ห์ ตัวละครคู่นี้มาพร้อมกับเส้นเรื่องที่ชัดแจ่ม และมีมิติอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่ในหนังแอนิเมชั่น

และคนดูจะต้องหลงใหลและเอ็นดู พร้อมกับเทใจให้กับตัวละครใหม่ อย่าง เปอร์ริโต้ หมาชิวาว่าที่จำแลงตัวเองเป็นแมว เป็นตัวละครขโมยซีนในหนังแอนิเมชั่นที่ดีที่สุดในรอบทศวรรษเลยก็ว่าได้ เพราะว่าไม่ช่างมาทำหน้าที่แย่งซีน แต่ยังเป็นตัวจี๊ดที่เต็มไปด้วยมิติอย่างน่าอัศจรรย์ ตัวประกอบที่มีภูมิหลังและเรื่องราวที่น่าค้นหามาก ๆ อีกทั้ง ฮาร์วีย์ กิลเลน ก็มาให้เสียงพากย์เจ้าตัวละครนี้ได้อย่างบันเทิงไม่น้อย นอกจากนี้ยังมี ฟลอเรนซ์ พิวจ์ ที่มาให้เสียงพากย์เป็น โกลดี้ ที่อาจจะน่าผิดหวังไปเสียหน่อย เพราะคิดว่าตัวละครนี้จะโดดเด่นมากกว่านี้ แต่กระนั้นคาแรกเตอร์ก็ยังเต็มไปด้วยมิติของบทอยู่ไม่น้อยเช่นกัน และอีกตัวละครแย่งซีนก็คงจะเป็น แจ็ค ฮอร์เนอร์ อดีตหนูน้อยนิ้วโป้งอันเป็นเอกลักษณ์ ที่มาเล่นใหญ่เล่นโตโดยเฉพาะ เป็นวายร้ายที่อาจจะอ่อนแอไปหน่อย แต่ก็บันเทิงได้ดีจากเสียงพากย์ของ จอห์น มูลานีย์

ดังนั้นโดยภาพรวม Puss in Boots The Last Wish เป็นหนังแอนิเมชั่นที่ค่อนข้างให้ผลลัพธ์ออกมาได้อย่างน่าประหลาดใจไม่น้อย เพราะมาตรฐานที่ภาคแรกเคยทำเอาไว้แค่เพียงหนังภาคแยกที่ให้ความรู้สึกเฉย ๆ เท่านั้น แต่กลับมาในภาคนี้กลับเต็มไปด้วยแนวการพัฒนาที่ดีขึ้นในทุก ๆ ทาง บทหนังแข็งแรง การเล่าเรื่องมีจังหวะ คาแรกเตอร์ต่าง ๆ เต็มไปด้วยมิติ กลายเป็นองค์ประกอบที่นำมายำรวมกันแล้วนั้น ออกมาได้ดีกว่าที่ปรารถนาเอาไว้ก่อนจะเข้าโรงไปดูชม
รับชมตัวอย่าง : รีวิว Puss in Boots: The Last Wish