รีวิว ONE PIECE FILM RED

1 min read
วันพีซ-ฟิล์ม-เรด

รีวิว ONE PIECE FILM RED เป็นเรื่องราวของ มังกี้ D ลูฟี่ เด็กหนุ่มที่มีคำพูดติดปากกล่าวไว้ว่า “ฉันจะเป็นราชาโจรสลัดให้ได้เลย” เขาเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ออกทะเลเพื่อตามหา ONE PIECE อย่างเดียวกัน ระหว่างทางลูฟี่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย พบเจอพวกพ้องที่สำคัญ และต้องปะทะกับศัตรูตัวฉกาจ ผ่านการต่อสู้ที่ทำให้เขากลายเป็นโจรสลัดที่แข็งแกร่ง และต่อจากนี้ลูฟี่ก็เป็นหนึ่งในโจรสลัดที่เข้าใกล้สมบัติอันยิ่งใหญ่อย่างวันพีซ ไปอีกก้าวแล้ว

แม้ว่าหนังโรงของ ONE PIECE จะมีมาถึง 14 ภาคแล้ว แต่ THE MOVIE ที่ผู้แต่งอย่าง อาจารย์โอดะ เออิจิโระ (Oda Eiichiro) มีส่วนร่วมนั้นเพียง 5 ภาคเท่านั้น และนี่ก็ถือเป็นครั้งที่ 5 ที่อาจารย์โอดะได้มีส่วนร่วมในการสร้างเดอะมูฟวี่ขึ้นมา

รีวิว-ONE-PIECE-FILM-RED

ONE PIECE FILM: RED เล่าถึงเหตุการณ์ที่กลุ่มโจรสลัดหมวกฟางได้ล่องเรือมาที่เกาะเอเลเจีย เพื่อชมคอนเสิร์ตของ ‘อุตะ’ นักร้องสาวที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กของลูฟี่ เธอเป็นลูกสาวของแชงค์ จักรพรรดิโจรสลัดผู้ยิ่งใหญ่ที่มอบหมวกฟางให้กับลูฟี่ โดยลูฟี่ได้พบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเกาะเอเลเจีย มีเรื่องที่ไม่คาดคิดพร้อมกันนั้นในเกาะยังมีโจรสลัดกับทหารเรืออีกมากมายที่พร้อมจะห้ำหั่นกันได้ทุกเมื่อ ทุกคนมาที่เอเลเจียทำไม และความลับที่อุตะเก็บซ่อนไว้คืออะไรทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวของ ONE PIECE FILM: RED

ต้องขอบอกเลยว่าในบรรดา 5 ภาคที่อาจารย์โอดะมีส่วนร่วมในการสร้างนั้น FILM: RED นับว่าเป็นภาคที่มีโทนแปลกที่สุด เพราะตามปกติแล้ว เนื้อหาในเดอะมูฟวี่ของ ONE PIECE มักจะเป็นเรื่องราวจบในตอน โดยเป็นอนิเมชันผจญภัยที่ผสมไปด้วยประวัติศาสตร์และปมปริศนา แต่ทว่า FILM: RED กลับเน้นหนักไปทางดราม่าและมิวสิคัลมากกว่า ใช่ครับ ONE PIECE FILM: RED คือหนังมิวสิคัล ฉะนั้นแล้ว หากใครหวังจะไปดู ONE PIECE เดอะมูฟวี่ที่มีฉากแอ็กชันมากมาย อาจจะต้องทำใจไว้ก่อนว่าภาคนี้จะบู๊กันน้อยกว่าภาคอื่น (นับแค่บรรดา 5 ภาคที่อาจารย์โอดะ มีส่วนร่วมนะ) ในส่วนของฉากแอ็กชันก็ถูกทดแทนด้วยพาร์ตดราม่าและมิวสิคัลของนักร้องอุตะแทน

ONE-PIECE-FILM-RED

ในด้านงานเพลงของตัวละครอุตะก็ไม่ได้มาแบบธรรมดานะ เพราะทีมงาน ONE PIECE ได้เชิญนักร้องอย่าง ADO มาร้องให้หนังเรื่องนี้เลยทีเดียว ซึ่งแต่ละเพลงก็บรรจงแต่งมาเพื่อ ONE PIECE FILM: RED โดยเฉพาะ และขนกันมาให้ฟังกันถึง 8 ซิงเกิล แฟนคลับ ADO กับคนชอบฟังเพลง น่าจะฟังกันอย่างจุใจแน่นอน

แต่ทว่าการที่หนังมีเพลงมากมาย ก็นับว่าเป็นข้อเสียเหมือนกัน เพราะหนังต้องการโปรโมตซิงเกิลเหล่านี้ลงไปด้วย ฉะนั้นในบทจึงต้องหาช่องว่างเพื่อยัดซีนร้องเพลงเข้ามาให้ครบ ซึ่งหลายเพลงมันก็มาในจังหวะที่ไม่ถูกต้อง ทำให้อารมณ์ของหนังดรอปลง ส่งผลให้หนังน่าเบื่อในบางครั้ง

วันพีซ

ทางเนื้อเรื่องนั้น ภาคนี้ก็ได้หยิบข้อดีของเดอะมูฟวี่ภาคที่แล้วอย่าง One Piece: Stampede มาใช้ นั่นคือการให้ตัวละครเก่า ถูกโยนเข้ามาในสถานการณ์ที่ไม่ควรจะเจอกัน จากนั้นเราก็จะได้เห็นตัวละครเหล่านั้นออกมาแท็กทีมต่อสู้ ซึ่งเป็นแฟนเซอร์วิสที่ไม่ค่อยได้เห็นในภาคหลักกันเท่าไหร่ ทว่าแม้ว่า FILM: RED จะหยิบข้อดีนั้นมาใช้ มันก็เป็นได้แค่การทำซ้ำเนื้อหาเดิมแต่เปลี่ยนตัวละครเท่านั้น แถมหนังยังใช้ประโยชน์ข้อนี้ได้ไม่คุ้มนัก เพราะด้วยการที่ต้องแบ่งแอร์ไทม์ให้อุตะ ทำให้หนังเกลี่ยบทตัวละครออกมาได้ไม่ดีเอาซะเลย

อีกซิกเนเจอร์ที่เราแทบจะต้องยกนิ้วให้ คืองานภาพของ Toei Animation ที่ยังคงเส้นคงวาในฐานะสตูดิโอที่ไม่สนสี่สนแปด กล้าปล่อยงานแอนิเมชันที่ไม่เรียบร้อยออกมาฉายโรง ซึ่งหลายฉากก็เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นงานที่เรียกได้ว่า ‘เผา’ มาฉาย จนแอบสงสัยว่าภาพแบบนี้ พี่แกกล้าเอามาฉายโรงได้ยังไง หลังจากนั้นก็มีอีกหลายซีนที่เผามาให้เห็นจนอดไม่ได้ที่ต้องถอนหายใจแล้วยกนิ้วให้ (ส่วนนิ้วไหนก็ไปคิดกันเอาเองนะ)

รับชมตัวอย่าง : รีวิว ONE PIECE FILM RED

คอมมิค

https://th.wikipedia.org/